บทความ

เครียดสะสม เพราะภาระหนัก อย่าลืมพักเพื่อดูแลตับ

รูปภาพ
 เครียดสะสม มานาน เหนื่อยใช่มั้ยครับกับการต้องเป็นเสาหลักดูแลรับภาระของทั้งครอบครัว ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่างวดบัตรเครดิต และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกสารพัด งานก็ล้นมือทำไม่ทัน พาลไปถึงกลางคืน พอกังวลมากๆก็นอนไม่ค่อยหลับไปอีก ชักเริ่มเป็นห่วงสุขภาพว่าจะพลอยแย่ไปทั้งร่างกาย รวมไปถึงตับด้วยเช่นกัน ภาระรุมเร้าก็ทำเรา เครียดสะสม หน้าที่มากมายที่เราต้องรับผิดชอบ บวกกับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความเครียดตามมา บางคนก็รู้ตัว บางคนก็ไม่รู้ตัว แต่เมื่อเกิดความเครียดขึ้นมาแล้ว ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่ชื่อ ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมาในกระแสเลือดมากกว่าปกติถึง 1.6 เท่า ทำให้เลือดไปเลี้ยงตับได้น้อยลง ออกซิเจนในตับก็ลดลง เซลล์ตับเกิดความเครียดตามไปด้วย ส่งผลต่อการทำงานของตับโดยตรง ยิ่งเครียดตับยิ่งแย่ ความสามารถในการทำงานของตับลดลงเรื่อยๆ และไม่วายลามไปยังระบบภูมิคุ้มกันโดยรวมของร่างกาย นอกจากนี้ ความเครียดจะไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้หลั่งสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า  อะดรีนาลีน Adrenaline และ นอร์เอพิเนฟริน Norepinephirne ซึ่งเป็นพิษต่อเซลล์ตับรวมถึงเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เซลล์ตั

ย้อนวัยให้ผิวดูแลชิลๆด้วย โพรไบโอติก

รูปภาพ
   ต้องการจะ ย้อนวัย ให้มองเด็กลงแต่ว่าดูเรื่องจริง เรื่องผิวพรรณ ไม่กระชับ ไม่ใส คนมักนึกถึงเรื่อง ขาดคอลลาเจน ต่างๆแต่หารู้ไม่ ถ้าเกิดไม่มีซึ่งจุลินทรีย์ตัวดี ก็ทำให้ผิวพรรณมีปัญหาได้เช่นกัน ร่างกายของพวกเราจะมี “ระบบนิเวศผิวหนัง” ซึ่งถือได้ว่าระบบนิเวศที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ซึ่งประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ตัวจิ๋วหลายล้านจำพวกที่มีทั้งดีและไม่ดี และจำนวนของเจ้าจุลินทรีย์เหล่านี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามสิ่งแวดล้อม อุณหภูมิ แสงอาทิตย์ เพศ รวมทั้งอายุที่เปลี่ยนไป โดยประโยชน์ซึ่งมาจากจุลินทรีย์หลายล้านตัวพวกนี้ยังมีหน้าที่เหมือน ‘เกราะป้องกัน’ผิวหนังอันบอบบางของเรา เพราะอีกทั้งช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อโรค ปกป้องอาการแพ้อักเสบ และก็ยังรักษาสมดุลความมากมายหลายของแบคทีเรียบนผิวหนังอีกด้วย ซึ่งถ้าหากระบบนิเวศที่สำคัญอย่างผิวหนังนี้เสียสมดุลไป เปลี่ยนเป็นมีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อผิวอยู่น้อยนิด ก็จะเป็นสาเหตุให้สุขภาพผิวไม่แข็งแรง เกิดปัญหาผิวเสียต่างๆอย่างผิวหนังอักเสบ ผิวแห้ง เหี่ยวย่น ฯลฯ โพรไบโอติก ก็เลยเป็นตัวช่วยชั้นเยี่ยมในการปรับสมดุลของระบบนิเวศผิวหนังให้ดีขึ้น เพิ่มจุลิน

ประชาชนไทยจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว เป็น “ตับแข็ง” ด้วยว่า เหตุผลใด

รูปภาพ
 ตามสถิติ ตับแข็ง เป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตของประชากรโลกราว 25,000 คนภายในแต่ละปี และก็ถูกจัดให้เป็นมูลเหตุการถึงแก่กรรมที่เกิดจากโรคเป็นอันดับที่ 8โรค ตับแข็ง เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเนื้อเยื่อตับถูกทำลายจากหลายกรณีอย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน นำมาซึ่งตับอักเสบเรื้อรัง ปรากฏพังผืดในเนื้อตับ หากว่ามิได้รับการดูแลรักษาที่สมควรจะแปลงเป็นตับแข็งท้ายสุด เมื่อเป็นตับแข็ง ตับไม่อาจที่จะดำเนินงานได้ปกติ นำมาซึ่งภาวะแทรกซ้อนต่างๆยกตัวอย่างเช่น โรคที่ทำให้มีอาการตัวเหลือง ท้องมาน ตกประหม่า เลือดออกง่าย เส้นเลือดโป่งพองในหลอดอาหาร ตับวาย โรคมะเร็งตับรวมทั้งอาจจะถึงแก่ความตายได้ โรคตับแข็ง สามารถเกิดเนื่องมาจากหลายกรณี อย่างเช่น           เชื้อโรคตับอักเสบเรื้อรัง ตัวอย่างเช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบบีรวมทั้งซี การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ปริมาณมากและเป็นเวลานาน โรคท่อน้ำดีฝ่อตั้งแต่ระยะแรกกำเนิด (Biliary atresia) การได้รับยาบางประเภทหรือสมุนไพรบางอย่างที่ที่ก่อให้เกิดผลต่อตับ สภาวะไขมันคั่งตับ เจอมากในคนอ้วน หรือคนป่วยโรคเบาหวาน การมีสภาวะหัวใจด้านขวาล้มเหลวเรื้อรัง

เจ็บท้องข้างขวา เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง

รูปภาพ
 ทุกคนจะทราบว่าลักษณะของอาการปวดท้องนั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วมักสร้างความลำบากให้กับร่างกายของพวกเราอย่างมากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็นปวดท้องข้างซ้าย หรือ เจ็บท้องข้างขวา หากว่าอาการปวดในลักษณะดังกล่าวมาแล้วข้างต้นเกิดขึ้นกับเราอยู่อย่างเป็นปกตินั่นบางทีก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนถึงปัญหาด้านสุขภาพที่กำลังจะมาถึง ขอให้ไตร่ตรองเอาไว้อยู่เป็นประจำว่า ในทุกๆการปวดท้องย่อมจะต้องมีเหตุปัจจัยทั้งหมดทั้งมวล ด้วยเหตุนี้ ถ้าอาการ ปวดท้องข้างขวา อยู่เนืองๆในแบบต่างๆหมายความว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณถึงโรคร้ายต่างๆเช่น ลักษณะของอาการปวดท้องด้านขวาทางด้านบน(ใต้ซี่โครงฝั่งขวา) เริ่มมีการเสี่ยงเป็น โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคตับ ตับอ่อนอักเสบ โรคฝีในตับ โรคถุงน้ำดีอักเสบ ฯลฯ จะมีลักษณะอาการผิดปกติใต้ชายโครงขวา สำรอกอ้วก ท้องเฟ้อ ท้องอืดท้องเฟ้อ ตัวเหลือง ตาเหลือง อ่อนแรง เบื่ออาหาร เป็นไข้ตัวร้อน ของกินไม่ย่อย ฯลฯ การปวดท้องด้านขวาล่าง (ส่วนท้องน้อยขวา) มีอาการเสี่ยงเป็นไส้ติ่งอักเสบ, ลำไส้อักเสบทันควัน, ปีกมดลูกฝั่งขวาอักเสบ เป็นต้น จะมีลักษณะปวดทั่วๆทั้งยังท้อง โดยรอบสะดือ คลื่นไส้คลื่นไส้ภายหลังจาก ปวดท้อง

โพรไบโอติก VS ไฟเบอร์ ต่างยังไง เลือกแบบไหนดี

คนจำนวนไม่น้อยคงรู้จัก โพรไบโอติก แล้วก็ ไฟเบอร์ ว่าเกี่ยวกับประเด็นการขับถ่าย แต่ว่าทราบไหมว่าในความเป็นจริงแล้วทั้ง 2 ทำหน้าที่อะไร และก็ให้ผลแตกต่างอย่างไร “ไฟเบอร์” คือเส้นใยที่ร่างกายไม่กระทำย่อย เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะขับถ่ายออกมาแค่นั้น ผู้คนจำนวนมากจึงทานไฟเบอร์ในอาหารเสริมเพื่อช่วยหัวข้อการขับถ่าย เมื่อไฟเบอร์เดินทางถึง ลำไส้ ใหญ่ จะทำหน้าที่เสมือนไม้กวาด ที่เข้าไปปัดกวาดสิ่งต่างๆในลำไส้ใหญ่ แล้วถูกขับถ่ายออกมา แต่ว่าไม้กวาดด้ามนี้มิได้ปัดกวาดแค่ของเสียออกไปเพียงแค่นั้น สารอาหารและก็วิตามินต่างๆที่ดีต่อสภาพทางด้านร่างกายก็ถูกปัดกวาดออกไปด้วย ส่วน “ โพรไบโอติก ” คือเหล่าจุลินทรีย์ประจำถิ่นที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย พบได้มากในระบบทางเดินอาหาร หน้าที่เด่นๆของโพรไบโอติกที่ทำให้พวกเราขับถ่ายอย่างมีคุณภาพ คือช่วยแนวทางการทำงานของลำไส้กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ทำให้อุจจาระนุ่มรวมทั้งถ่ายสะดวกขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยทำให้ร่างกายซับสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าไปสร้างเสริมภูมิคุ้มกันและก็ส่วนต่างๆของร่างกายอีกด้วย การทานโพรไบโอติกก็เป็นการเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ดีๆให้กับร่างกาย เพื่อปรับสมด

ภายในร่างกายพวกเรา มีจุลินทรีย์ มากถึง 100 ล้านล้านตัว ในลำไส้มีจุลินทรีย์ที่ดี 70% สูงที่สุด

ทราบหรือเปล่าว่า ในร่างกายของเราเต็มไปด้วยจุลินทรีย์ต่างๆมากกว่า 100 ล้านล้านเซลล์ หรือมากกว่า 10 เท่าของเซลล์ร่างกาย ซึ่งจุลินทรีย์กลุ่มนี้มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ระบบที่ทำการย่อยอาหาร ปรับสมดุลภายในร่างกาย พบว่าใน ลำไส้ เป็นอวัยวะที่มี จุลินทรีย์ที่ดี อยู่เยอะที่สุดถึง 70% ของจุลินทรีย์ทั้งหมด กองทัพจุลินทรีย์กว่าล้านล้านเซลล์ในร่างกายของเรานี้เรียกรวมกันว่า ไมโครไบโอต้า (Microbiota) ซึ่งไมโครไบโอต้าจำนวนมากกว่า 70 % อาศัยอยู่ที่ระบบทางเดินอาหาร ระบบการทำงานด้านการย่อยอาหาร รวมทั้งลำไส้ของพวกเรา โดย จุลินทรีย์ ในลำไส้นี้ก็เปรียบเหมือนป้อมที่ช่วยปกป้องการยึดเกาะของเชื้อโรคในฝาผนังลำไส้ มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองปกป้องรวมทั้งเสริมสร้างความแข็งแรงของลำไส้ รวมทั้งการสร้างสารที่มีประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกาย และก็เพราะว่าในลำไส้มีเซลล์ภูมิต้านทานจำนวนมาก ถ้าเกิดระบบในลำไส้เสียสมดุลและก็จะมีผลต่อระบบภูมิต้านทานโดยรวมของร่างกายได้ มูลเหตุสำคัญที่ทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุลมีหลายประการ อีกทั้งการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารต่ำ หรือมีไขมันสูง รวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะต่อเน

วิธีการฟื้นฟูตับ

 สารพิษที่มีอยู่ในสุรา เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำร้ายตับสูงที่สุด ซึ่งในตอนนี้มีการตรวจสอบพบว่า วัยรุ่นไทยแม้จะยังอายุน้อยแม้กระนั้นก็เป็นโรคความดันเลือดสูง แล้วก็ส่วนใหญ่ก็มีต้นเหตุที่เกิดจากการดื่มเหล้า โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าตนเองกำลังมีความเสี่ยงต่อการเป็นหลายโรครุมเร้าเยอะมาก ตัวอย่างเช่น ไขมันอุดตันในเส้นโลหิต โรคหัวใจ โรคตับแข็ง หรือโรคมะเร็งตับ เทคนิคสำหรับในการดูแลและก็ ฟื้นฟูตับ ของพวกเราให้กลับมาแข็งแรงอีกที ด้วยแนวทางต่อไปนี้ 1) งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกจำพวก เป็นโอกาสหนึ่งที่จะช่วย ดูแลตับ พักตับไม่ให้ได้รับสารเคมีเพราะเป็นการช่วยให้ตับทำงานได้ดีไม่ให้ตับเกิดความทรุดโทรมเพิ่มมากขึ้น อย่าลืมว่าการทำงานของตับมีกำลังสำรองสำหรับการปฏิบัติงานประมาณ 3 เท่า แม้ยังดื่มแต่ละวัน จะไม่รู้ตัวว่าตับถูกทำลาย รวมทั้งเมื่อตับถูกทำลายลงไปถึง 75% ร่างกายจะแสดงผลลัพธ์ออกมาเป็น โรคตับแข็ง ซึ่งตับจะไม่อาจจะกลับมาทำงานได้อย่างธรรมดาอีกต่อไป 2) การนอนหลับให้พอเพียง เหตุผลที่วงการแพทย์ชี้แนะว่าคนเราอยากได้เวลาพักผ่อนขั้นต่ำ 8 ชั่วโมงต่อวัน ก็เพราะการนอนนั้นจะเป็นการปิดสวิตช์การ