ตับมีปัญหา เป็นสาเหตุ ? รักษาได้อย่างไร ?
ตับมีปัญหา ต้องรีบหาทางแก้ รีบดูแล บำรุง รักษาให้กลับมาแข็งแรงอีกที เพราะเหตุว่าถ้าหากปล่อยไว้ให้ไขมันพอกตับ หรือปล่อยให้ตับอักเสบจนเรื้อรัง ก็เป็นบ่อเกิดของโรคตับแข็ง รวมทั้งมะเร็งตับได้เช่นกัน โดย Rohit Satoskar กรรมการผู้จัดการจาก MedStar Georgetown สถาบันปลูกถ่ายชื่อดัง กล่าวย้ำเตือนถึงจุดสำคัญของตับเราเอาไว้ว่า "ตับ เป็นอวัยวะที่ง่ายต่อการเสียหาย ถ้าคุณไม่ดูแลมันให้ดี.. และก็เมื่อมันเสียหายไปแล้วครั้งหนึ่ง มันก็ไปลับ ไม่อาจหวนกลับมาดังเดิมได้" แล้วเราจะทราบได้เช่นไรว่าตับกำลังประสบปัญหา แล้ว สาเหตุ ตับมีปัญหา มาจากอะไร..? และควรดูแลบำรุงยังไง..? บทความนี้มีคำตอบให้คุณ
อวัยวะ "ตับ" ก็เป็นเหมือนศูนย์กลางขนาดใหญ่ ทั้งเป็นโรงงานเก็บผลิตภัณฑ์ (เก็บกักสารอาหารต่างๆ) เป็นทั้งยังโรงงานการผลิต (สร้างโปรตีน สร้างลิ่มเลือด ฯลฯ) และก็ยังเป็นโรงงานแปรรูป (จากคาร์โบไฮเดรตไปเป็นน้ำตาล ที่ร่างกายจะเอาไปใช้เป็นพลังงาน) ถ้าร่างกายขาดหัวใจแล้วต้องตาย..ร่างกายที่ขาดตับก็ราวกับตายทั้งเป็น คำกล่าวที่ว่าตับเป็นเสมือนหัวใจดวงที่สองของร่างกาย จึงไม่ได้เกินเลยแต่อย่างใด
หน้าที่ของตับ มีอะไรบ้าง ?
ในส่วนของการผลิต
- สร้างโปรตีนที่จำเป็นต่อสุขภาพร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
- สร้างโปรตีนซึ่งทำให้เลือดเราแข็ง อย่างไฟบริโนเจน (Fibrinogen) โดยจะถูกสังเคราะห์ขึ้นที่ตับ
- สร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่ เป็นองค์ประกอบของเลือด ตัวอย่างเช่น อัลบูมิน ที่ช่วยอุ้มน้ำสารอาหารและก็เกลือแร่เอาไว้ภายในเส้นเลือด
- สร้างน้ำดี ย่อยเผาผลาญไขมัน รวมถึงมีส่วนช่วยในระบบเผาผลาญร่างกาย
- สร้างสารจำพวกไขมัน และถึงสารตั้งต้นของฮอร์โมนบางประเภท
ในส่วนของการกักเก็บ
- ตับจะเป็นแหล่งกักเก็บไกลโคเจน เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานนำไปให้ร่างกายใช้
- เก็บวิตามินแล้วก็เกลือแร่บางประเภทที่จำเป็น
ในส่วนของการแปรรูปและอื่นๆ
- ตับคอยดัดแปลง ของกินรวมทั้งยาให้อยู่ในรูปที่ร่างกายสามารถนำเอาไปใช้งานได้
- ชวยล้างพิษ กรองสารพิษในเลือด
- ขับของเสียออกจากร่างกายในรูปแบบฉี่ หรือถ่ายมาพร้อมกับน้ำดี
สาเหตุ ตับมีปัญหา
จริงแล้วการที่ตับพัง หรือตับต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเสื่อมโทรมสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งยังจากเชื้อไวรัส หรือโรคที่เกิดขึ้นและมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ตั้งแต่กำเนิด แต่หลักๆที่ทำให้คนจำนวนมากเกิดการอักเสบที่ตับ ค่าตับสูง มักเกิดขึ้นจากพฤติกรรมทำร้ายตับเช่น
1.ดื่มแอลกอฮอล์
2.ชอบทานอาหารไขมันสูงอย่างของมัน ของทอด
3.ทำงานมาก มีความตึงเครียด
4.ชอบนอนดึกดื่น ตื่นสาย
5.รับประทานยาหรืออาหารเสริมมากจนเกินความจำเป็น
6.ขาดการบริหารร่างกาย
7.นั่งหรือนอนอยู่กับที่เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน (เกิน 2 ชั่วโมง)
8.ไม่กินอาหารเช้า
9.ชอบกินอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ
10.ปฏิบัติงานเกี่ยวกับ สารพิษ สารเคมี
11.มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันกับหลายบุคคล
เหล่านี้ล้วนเป็นหนึ่งในพฤติกรรมประจำวันซึ่งเราบางทีอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "ตับ" ของเรานอกจากจะทำงานหนัก 24 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่วายถูกทำร้ายในทุกๆวันอีกด้วย โดยเราอาจจะลองสังเกตอาการที่เป็น สาเหตุ ตับมีปัญหา ผ่านสัญญาณที่ร่างกายส่งออกมา ดังเช่นว่า มีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย , มีปัญหาในการนอน , ท้องเฟ้อบ่อยๆ, ปวดจุกแน่นที่ชายโครงขวา , ความอยากอาหารลดน้อยลง , แขนขา ท้องบวมโต ฯลฯ
ถ้าคุณเริ่มมีหนึ่งในอาการดังกล่าวข้างต้นแล้วยังไม่เอาใจใส่กลับมาดูแลตับอีก.. รู้สึกตัวอีกครั้งความน่ากลัวของโรคตับก็จะแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดก็ในขั้นรุนแรงอย่างตอนเป็นตับแข็ง หรือมะเร็งตับไปเสียแล้ว
การดูแลรักษาตับเบื้องต้น
"ตับ" เป็นอวัยวะที่สามารถฟื้นฟูตนเองได้ โดยด้านทฤษฎีแม้เราตัดตับทิ้งไป 3 ส่วน เจ้าตับเองก็สามารถฟื้นฟูกลับไปเป็นรูปร่างแบบเดิมได้ภายในไม่กี่อาทิตย์ ฉะนั้นเมื่อเราเผลอมีพฤติกรรมทำร้ายตับโดยไม่รู้ตัว ตับเองก็ฟื้นฟูตนเองได้ แม้กระนั้นมิได้แปลว่าคุณจะใช้งานมันอย่างหนักหน่วง หรือเย็นชาให้ตับถูกทำร้ายโดยไม่ใส่ใจได้ เพราะว่าถ้าเกิดตับอักเสบบ่อยๆจนกระทั่งเกิดพังผืดเกาะกินกลายเป็นตับแข็ง ตับก็หมดสิทธิ์ฟื้นตัว ยิ่งมะเร็งยิ่งไม่ต้องพูดถึง.. สิ่งสำคัญที่สุดคือ การใส่ใจบำรุงตับเพื่อคุ้มครองปกป้องไว้ก่อน ดีกว่าที่จะตามไปรักษาในภายหลัง
เมื่อเรามีพฤติกรรมที่ทำร้ายตับ ก็ควรจะเริ่มปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้ตับได้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
(1) ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
ลดอาหารไขมันสูง ของทอด ของมัน
ในส่วนเนื้อสัตว์เน้นไปที่เนื้อปลา หรือเนื้อไก่ แทนพวกเนื้อสีแดง (อย่างเนื้อหมู หรือเนื้อวัว) เพื่อลดจำนวนไขมันอิ่มตัวที่จะได้รับ
หลีกเลี่ยงขนมหวาน เค็มจัด ใช้พวกเครื่องเทศให้กลิ่นและก็รสแทนน้ำตาลรวมทั้งผงชูรส
ทานอาหารปรุงสุก รักษาสุขอนามัย ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส
(2) หมั่นขยับร่างกายเสริมความแข็งแกร่งให้ตับ
บริหารร่างกายให้ได้ 150 นาที/สัปดาห์ (หรือขั้นต่ำ 60 นาที/สัปดาห์)
ระหว่างที่ทำงานหาเวลาลุกเดิน 5-10 นาที หรือเปลี่ยนแปลงอริยาบททุก 1-2 ชั่วโมง
ฝึกการหายใจเข้า-ออกลึกๆ เพื่อให้ออกซิเจนเข้าไปกำจัดของเสียในเลือด รวมทั้งก๊าซ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็ช่วยในระบบหมุนเวียนเลือดได้
(3) เลี่ยงการรับยาเสพติด หรือสารเคมี
ในกรณีที่ไม่อาจจะเลิกได้ พยามยามลดการดื่มแอลกอฮอล์ หรือการสูบยาสูบให้ลดน้อยลงที่สุด
เลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง หรือรอบๆที่มีการปนเปื้อนของสารเคมี รอบๆที่มีฝุ่นควัน มลพิษหนาแน่น
ถ้าปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตได้ ตับย่อมกลับมาแข็งแรงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตามเดิม เพิ่มเติมคือถ้าหากมีความรู้สึกว่าพฤติกรรมเหล่านี้เราบางทีอาจทำเป็นยาก ลองมามองเทคนิคน่ารู้ ที่จะสามารถช่วยคลีนตับเราได้กัน..
เคล็ดลับ(ไม่)ลับน่ารู้ คู่การดูแล ตับมีปัญหา
"เรื่องกิน..เรื่องใหญ่" อาหารที่เรารับเข้าไปในทุกๆวันก็ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงให้แก่ตับได้เช่นเดียวกัน ซึ่งทานเข้าไปแล้วตับจะดีขึ้นหรือแย่ลง ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรารับประทานอะไรลงไป.. รวมทั้งนี่คือ 3 ตัวช่วยน่าสนใจซึ่งสามารถคลีนตับที่มีปัญหาของเราได้
ตัวช่วยแรก #ซูเปอร์เครื่องเทศ - กระเทียม
ถึงจะพบเจอได้ตามตลาดทั่วไป เปิดตู้เย็นเราก็เจอ แต่ว่าเครื่องเทศที่ดูบ้านๆนี้แอบแฝงไปด้วยสรรพคุณที่ไม่ได้บ้านตาม โดยกระเทียมจะช่วยกระตุ้นกระบวนการดีท็อกซ์ แล้วก็ป้องกันตับจากสารพิษ รวมทั้ง Advanced Biomedical Research (2016) ยังได้เผยแพร่การค้นคว้าวิจัยว่ากระเทียมผงช่วยสำหรับในการลดไขมันในผู้ที่มีสภาวะไขมันพอกตับได้อีกด้วย
ตัวช่วยสอง #ซูเปอร์ฟรุ๊ต - พรูนัส มูเม่
แม้ชื่อจะไม่ชินหูคนอีกหลายๆคน แต่ว่ามันเป็นสารสกัด ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่จากประเทศฝรั่งเศสซึ่งช่วยลดการสะสมของไขมันส่วนเกินในตับ รวมทั้งลดอาการอักเสบของตับได้ โดยจะมีสารสำคัญในการออกฤทธิ์คือ กรดโอลีโนลิกและก็กรดเออโซลิก ซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มกระบวนการเมตาบอลิซึมในตับ รวมถึงสามารถลดไขมันเลวเพิ่มไขมันดี ซึ่งส่งผลให้ตับมีสุขภาพแข็งแรง ทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ
ตัวช่วยสาม #ซูเปอร์เครื่องดื่ม - ชาเขียว
ชาเขียวนับว่าเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยคลีนตับชั้นยอด โดยในปี 2015 The World Journal of Gastroenterology มีการศึกษาวิจัยว่า ชาเขียว ช่วยลดระดับไขมันในเลือดตลอดจนถึงส่วนต่างๆภายในร่างกาย ทั้งพบว่า ผู้ที่ดื่มชาเขียวจำนวน 5 - 10 แก้วต่อวัน สามารถช่วยลดไขมันพอกตับได้อีกด้วย รวมทั้งยิ่งชงอ่อนๆจิบเบาๆตลอดวันยังช่วยดีท็อกซ์ชำระล้างสารพิษได้อีกด้วย
สรุป
ตับมีปัญหา ปล่อยปัญหาไว้ก็จะยิ่งสะสมจนกระทั่งโรคร้ายอาจถามหาโดยไม่ได้คาดคิด เมื่อจำเป็นต้องใช้ชีวิตและก็มีพฤติกรรมทำร้ายตับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตัวช่วยดีๆหรือการปรับพฤติกรรมก็เป็นสิ่งจำเป็นที่สามารถปกป้องและลดความเสี่ยงสำหรับในการเป็น ตับแข็ง หรือโรคมะเร็งตับ โรคยอดนิยมที่คร่าชีวิตคนประเทศไทยกันติดท็อป 5 ของไทยเรากันเลยทีเดียว
"สู้เพื่อตับวันนี้..ชีวิตดีวันหน้า" สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเราทำขึ้นเองได้.. โดยถ้าเกิดสงสัย หรือมีปัญหาสุขภาพตับอยากขอคำแนะนำผู้ที่มีความชำนาญ ขอรับคำปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพกันได้ฟรีๆที่ Fanpage และ Line : @ Hepheka ซึ่งจะมีทีมผู้ที่มีความเชี่ยวชาญรวมทั้งเภสัชกรพร้อมให้คำปรึกษาคุณในทุกเวลา
เครดิต : https://www.rophekathailand.com/post/l/hepheka/how-liver-notwork
Tags : ความสำคัญของตับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น