อาหารเสริมบำรุงตับ

 อย่างที่คนจำนวนไม่น้อยทราบกันดีอยู่แล้วว่า การดื่มแอลกอฮอล์เป็นการ ทำร้ายตับ แต่เมื่อร่างกายไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา จนกระทั่งลุกลามจนกระทั่งกลายเป็น โรคมะเร็งตับ ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยก็เลยละเลย มาลองดูกันดีกว่าว่า จริงๆแล้วแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป รังแกตับให้เจ็บป่วยได้อย่างไรบ้าง การที่ตับถูกแอลกอฮอล์ทำร้ายก่อนเป็น โรคมะเร็ง ตับ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ไขมันพอกตับ : เป็นการถูกทำร้ายระยะแรก โดยจะมีไขมันโดยเฉพาะไตรกลีเซอไรด์ไปสะสมอยู่ที่ตับ ไม่แสดงอาการ หรือความเจ็บออกมา ตรวจเลือดพบความผิดแปลกเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ หากหยุดดื่ม แอลกอฮอล์ ยังสามารถดูแลให้กลับมาปกติได้แต่ว่า ถ้าไม่หยุด…จะส่งผลให้เกิดระยะที่ 2 ตับอักเสบ : เริ่มแสดงอาการออกมาในหลายรูปแบบ อาการเบาๆเป็นต้นว่า จุกแน่น เจ็บชายโครงขวา อาการหนัก เป็นต้นว่า โรคตับเหลือง อาการทางสมอง งงงวย วานวาย หมดสติ ร่างกายเริ่มขาดสารอาหาร และวิตามิน เพราะว่าตับเสื่อม ตรวจเลือดพบความผิดปกติ ตับเริ่มแข็งขึ้น ถ้าเกิดเริ่มดูแล ยังสามารถรักษาได้ ถ้าหากยังดื่มต่อ…ก็ก้าวสู่ระยะที่ 3 ตับแข็ง : ระยะสุดท้ายที่ไม่สามารถกู้ตับกลับมาได้ เนื้องตับจะแข็ง ออกอาการแตกต่

 ถ้าเกิดว่าผู้ใดที่กำลังเป็น ไวรัสตับ อักเสบอยู่ ควรมีขั้นตอนการดูแลตัวเองมากกว่าผู้อื่น พร้อมกับการปฏิบัติตัวที่ต้องเข้มงวดมากยิ่งกว่าเดิม และการดูแลตัวเองเมื่อเป็นไวรัสตับอักเสบควรต้องประพฤติแบบใดบ้างนั้นพวกเราไปดูกันเลย แนวทางการป้องกันโรค เชื้อไวรัสตับอักเสบ 1.กายบริหารเป็นประจำ การทำกายบริหารสม่ำเสมอไม่ได้ตีความว่าว่าคุณจำเป็นที่จะต้องบริหารร่างกายอย่างหักโหม ดังนั้นควรเลือกบริหารร่างกายเบาๆได้แก่ การเดินระยะทางที่พอสมควร เป็นการเดินต่อเนื่องมากกว่าการวิ่งนั่นเอง 2.พักผ่อนให้พอเพียง การนอนอย่างเต็มอิ่มนั้นเป็นข้อสำคัญสำหรับผู้ที่เป็นโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ ด้วยความเคร่งเครียดและก็การนอนน้อยเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้อาการไม่ดีขึ้นได้ 3.งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แน่นอนอยู่แล้วว่าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทั้งปวงเป็นตัวการทำลายสุขภาพของตับ แม้ว่าคุณเข้าใจว่าตัวเองเป็นโรคเชื้อ ไวรัสตับอักเสบ แต่ว่ายังไม่ลด ละ เลิกในการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์อีก เซลล์ตับที่อ่อนแออยู่ย่อมจะยิ่งถูกทำให้เสื่อมถอยได้เร็วเพิ่มขึ้น 4.แจ้งหมอทุกคราถ้าเกิดมีการทานยาโรคประจำตัว การรัก

  โรคตับ แข็ง เป็นอีกหนึ่งโรคที่คนภายในเมืองไทยเป็นกันมากมาย แต่คุณจะทราบได้อย่างไรว่าตับแข็งระยะเริ่มต้นรวมทั้งระยะสุดท้ายนั้นจะสามารถอยู่ได้กี่ปี วันนี้เรามีคำตอบมาให้ท่านกันแล้ว ไปดูกันเลย โรคตับแข็ง ระยะต้น ถ้าเป็นโรคตับแข็งในระยะเริ่มต้นมักจะยังไม่ค่อยมีลักษณะให้เห็น อาจจะมีเพียงแค่การเจ็บป่วยเล็กน้อย ซึ่งมีลักษณะท้องเฟ้อ ท้องอืด ร่างกายอ่อนเพลียรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง ทำอะไรแค่เพียงเล็กๆน้อยๆก็มีลักษณะหอบให้มองเห็น นอกจากนั้นก็อาจจะมีอาการไม่อยากอาหาร คลื่นไส้อาเจียนอีกด้วย โดยถ้าเป็นโรคโรคตับแข็งในระยะต้นนั้น ถ้าหากรักษาได้ทันก็มักไม่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ด้วยเหตุดังกล่าวหากสงสัยว่ากำลังเป็นโรคนี้หรือไม่ ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที โรคตับแข็ง ระยะสุดท้ายคนป่วยที่เป็นโรคโรคตับแข็งระยะสุดท้ายจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตั้งแต่ 5 ถึง 10 ปีแม้กระนั้นจำนวนนั้นต้องอยู่ที่ผู้เจ็บป่วยเหตุว่ารักษาตัวเองมากขนาดไหน ถ้าเกิดคุณรู้ว่าตนเองเป็น โรคตับแข็ง แต่ยังไม่เลิกดื่มสุราและไม่เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพอาการ ตับแข็ง ที่เป็นอยู่นั้นก็จะทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากตับไม่สามารถที่จะฟื้นฟูตัวเ

 การนอนที่มีคุณภาพเป็นหัวใจหลักของการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงถ้าหากอากาศที่ร้อนขึ้นเป็นเหตุให้คุณต้อง นอนไม่หลับ หรือ นอนหลับไม่สนิท และทำให้สุขภาพต้องย่ำแย่ตามไป ลองมาทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ดูสิ รับรองว่าคุณจะ นอนหลับ ได้สบาย แม้ในวันที่อากาศร้อน จัดการห้องนอนจัดห้องนอนให้โปร่งที่สุด และควรจะทำให้อากาศระบายในห้องนอนเสมอ เพื่อช่วยระบายความร้อนระหว่างวันที่สะสมอยู่ออกไปก่อนที่จะนอน จะช่วยให้ นอนหลับไม่สนิท หายไปได้ ผ้าที่มีไว้สำหรับปูที่นอนที่ดีควรเลือกประเภทของผ้าปูที่นอนที่จะให้ความสบายตัว อย่างผ้าลินิน ที่ระบายความร้อนได้ดี แล้วก็ควรที่จะเลือกชุดเครื่องนอนโทนสีอ่อน เพื่อช่วยสร้างความผ่อนคลาย ควบคุมมื้อเย็นไม่ควรรับประทานอาหารเน้นหนักในมื้อเย็น เพื่อลดการเกิดขั้นตอนเผาผลาญ ที่มีส่วนทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงมากขึ้นนี้เป็นปัจจัยหลักสำหรับในการทำให้ นอนหลับไม่สนิท ปรับอุณหภูมิร่างกายทดลองแช่เท้าในน้ำเย็น หรือประคบเย็นที่ฝ่าตีน และข้อมือก่อนนอน เป็นการช่วยลดความร้อนในร่างกาย ทำให้นอนหลับได้อย่างสบายตัวมากยิ่งขึ้น เครดิตบทความจาก : https://www.rophekathailand.com/post/l/hepheka/sleepless

 การที่เรามี ค่าตับสูง หรือเอาง่ายๆว่าตับมีการอักเสบเสียแล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งอาการที่คนโดยมากกำลังเผชิญอยู่ แต่ว่ามักมองข้ามเพราะเห็นว่าไม่มีอาการรุนแรงอะไรมากมาย ทิ้งไว้ก่อนแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยมาดูแลทีหลังก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก แต่ทว่าอาการที่มองไม่ร้ายแรงอะไรจนกระทั่งทำให้คนจำนวนไม่น้อยชะล่าใจก็ทำเอาน้ำตาตกในกันมาแล้ว เพราะว่าเมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตับของเราเข้าสู่ระยะโรค ตับแข็ง และก็มะเร็งตับไปเสียแล้ว นี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งความน่ากลัวของโรคตับ ที่เขาว่ากันว่าเป็นภัยเงียบที่แอบแฝงอยู่ภายในร่างกายเรา หากไม่หันมาสนใจ ลดค่าตับ วันนี้..มาคิดได้อีกทีบางทีอาจจะไม่ทันค่าตับสูง ต้องการ ลดค่าตับ ต้องทำไงดี ? วิธี ลดค่าตับ มีได้หลายแนวทางซึ่งแนวทางต่างๆเมื่อแต่ละคนเอาไปใช้ ก็อาจจะมีความยากง่ายที่แตกต่างกัน จะมีแนวทางไหนกันบ้างเราลองไปดูกันได้เลย 1# เลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์สำหรับผู้ที่ติดเหล้า แน่นอนว่าย่อมมีผลต่อตับโดยตรงอยู่แล้ว โดยเจ้าแอลกอฮอล์เมื่อเข้าสู่ร่างกายเราจะถูกเปลี่ยนที่ตับเปลี่ยนเป็นสารพิษที่สามารถทำลายเซลล์ตับเราได้ แม้หลีกเลี่ยงไม่กินได้เป็นดีที่สุด แต่ทว่าแม

จากสถานการณ์ตอนนี้ในประเทศไทย แนวโน้มของคนที่เป็นโรคตับได้เปลี่ยนเป็นภัยเงียบอาจแค่ออกอาการอ่อนล้า ท้องอืด นอนไม่หลับ ก่อนลุกลามจนกลายเป็นโรคมะเร็งตับนำมาซึ่งการตายในที่สุด ซึ่งแต่ละปีมีอัตราการตายสูงมากขึ้นโดยตลอด โดยปัญหาหลักจำนวนมากมีสาเหตุมาจากการกระทำสำหรับในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เป็นต้นว่า การทำงานหนัก พักผ่อนน้อย มีความเครียดสะสม ทานอาหารไขมันสูงรวมทั้งอาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆทำให้ จำเป็นต้องใส่ใจสำหรับในการ บำรุงตับ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นการกินอาหารของเราในทุกๆวันจึงต้องระวัง ไม่ทานตามใจปาก เพราะว่าของกินที่เป็นส่วนเกินจะถูกกลายเป็นไขมันในตับรวมทั้งส่งไปสะสมภายในร่างกายเยอะขึ้นอย่างไรก็แล้วแต่ อาหารบำรุงตับก็เลยมีความหมายเพื่อบำรุงตับของเราให้ทำงานอย่างมีคุณภาพ เราควรต้องรับประทานอาหารบำรุงตับ ดังนี้  เกรปฟรุต ถือได้ว่าผลไม้ที่ช่วยบำรุงตับได้ดี ด้วยเหตุว่าคือผลไม้อีกหนึ่งจำพวกที่มีตัวช่วยสำคัญในการบำรุงตับอยู่ครบสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน C และก็สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้จะช่วยล้างพิษในตับ ลดการเสี่ยงโรคมะเร็ง โดยเราสามารถนำเกรปฟรุตมากินแบบสดๆ หรือคนไหนชอบคั้นน้ำก็ทำไ